top of page
กระดาษแข็ง

เรื่องเล่า  

S__1138693.jpg

เตาเผา

    เดิม นายอุทัย บุญดำ (พ่อเล็ก) และ นางอุษาวดี บุญดำ (แม่สร้อย) ประกอบอาชีพรับซื้อไม้ ไม้เกรดดีจะส่งไปกรุงเทพฯ ด้วยรถ 6 ล้อ ปลายไม้จะส่งให้คนก่อสร้างสะพาน ส่วนตอไม้ กิ่งไม้ จะนำมาเผาถ่าน โดยได้เช่า เตาเผาถ่าน 2 เตา ใช้ระยะเวลาในการเผาถ่านปริมาน 12 รถ 6 ล้อ เป็นเวลา 12 วัน ได้ปริมาณถ่าน 280-300 กระสอบปาน หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี พ่อเล็กแม่สร้อย ได้ซื้อที่ดินที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ ศูนย์การเรียนรู้เครือข่ายสินธุ์แพรทอง 

    ในปี 2545 พ่อเล็ก ก็เลิกอาชีพทำไม้ เนื่องเพราะในช่วงเวลาเดียวกันกับการจัดตั้งกลุ่ม จึงมีผู้คนไปมาหาสู่มากขึ้น บ้านที่ใช้เป็นสถานที่รับรองไม่อำนวย มีควันไฟจากการเผาถ่าน เมื่อเลิกเผาถ่านแล้ว รถ 6 ล้อขนไม้ ก็เปลี่ยนเป็นรถไว้รับส่งแขก ส่วนเตาเผาถ่าน 2 เตา พ่อเล็กอยากเก็บไว้รำลึกนึกถึง เพราะอาชีพและรายได้ส่วนหนึ่งของชีวิตมาจากเตาถ่าน 2 เตานี้ จึงไม่ได้ทุบทิ้ง แต่ปรับปรุงใช้เป็นที่พัก ไว้รับรองผู้มาเยี่ยมเยือน ในปี 2549 เมื่อปรับปรุง เตาเผาถ่าน เป็นห้องพักเสร็จแล้ว มีปัญหาเรื่องเสียงก้อง จึงได้หาวิธีแก้ไขโดยนำเฟอร์นิเจอร์ไม้มาไว้ในห้องพักเพื่อลดการเสียงก้อง 

    ปี 2550 ได้มีแขกกลุ่มแรกเข้ามาพัก ห้องพักเตาเผาถ่าน และได้ใช้งานให้บริการเรื่อยมากว่า 10 ปี 

    ปัจจุบัน ห้องพักเตาเผาถ่าน มีอายุนานหลายสิบปี เริ่มทรุดโทรม เกิดกลิ่นอับ จึงได้ปิดห้องพักไป 1 ห้อง เหลือไว้เพียง 1 ห้อง เพราะยังมีผู้คนที่มาเยี่ยมเยือนอยากสัมผัสการนอนในเตาเผาถ่านอยู่เสมอ ๆ

สินธุ์แพรทองฟาร์มช๊อป

    เป็นสถานที่รวบรวมและกระจายสินค้าก่อนจะเปิดบริการ Farm Shop ได้มีการส่งสโลแกนประกวดเพื่อสื่อความหมายให้ตรงกับชื่อ จึงได้สโลแกน คือ ลำสินธุ์ก้าวไกล ห่วงใยสุขภาพ

    สินธุ์แพรทอง Farm Shop เปิดบริการในวันที่ 4 ธันวาคม 2558 เริ่มจากการผลิตภัณฑ์ของฝากมาขาย และต่อมาได้คัดเลือกสินค้าคุณภาพที่กลุ่มลูกค้าไม่สามารถเดินทางไปซื้อได้ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นตัวเลือกให้ลูกค้ามาวางจำหน่ายไว้ที่สินธุ์แพรทอง Farm Shop โดยจะไม่เน้นปริมาณเยอะ แต่จะเน้นตามยอดซื้อสินค้าที่ลูกค้าซื้อ 

    สินธุ์แพรทอง Farm Shop เป็นโครงการเล็ก ๆ ทำเพื่อการแบ่งปันและเจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถนำคำติชมมาพัฒนาต่อยอดต่อไปได้

S__1523718.jpg

โซล่าเซลล์ พลังงานทางเลือก

    เครือข่ายสินธุ์แพรทอง มีแนวคิดจะลดภาระรายจ่ายการใช้ไฟฟ้า เมื่อปี 2556 จึงเริ่มดำเนินการนำพลังงานทางเลือกมาใช้ โดยมี บริษัท การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ให้ความสนับสนุนด้านเงินทุน และ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงสนับสนุนองค์ความรู้ จนชาวบ้านในเครือข่ายฯ สามารถ ออกแบบ ผลิตได้ ใช้เป็น ซ่อมแซมได้เอง มีทั้งระบบที่ใช้สูบน้ำในไร่นา ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง ระบบบ้านประหยัดพลังงานระบบรถเข็นเคลื่อนย้ายไปทำงานในที่ทุรกันดาร

    เริ่มต้นมีการนำร่องติดตั้งระบบไฟฟ้าเพื่อใช้ในครัวเรือน 14 แผง ขนาด 3,300 วัตต์ โดยติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคา เป็นระบบเชื่อมสายส่ง คือ เมื่อไม่สามารถใช้ไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์ได้ก็จะดึงไฟฟ้าจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาใช้แทน โดยเริ่มใช้งานที่ศูนย์เรียนรู้ฯ ก็สามารถใช้ไฟฟ้าในอาคารต่าง ๆ รวมถึงห้องประชุมได้อย่างทั่วถึง 

     ก่อนหน้านี้จ่ายค่าไฟเดือนละ 5,000 บาท แต่เมื่อติดตั้งโซล่าเซลล์ ใช้พลังงานทางเลือก ทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงไปกว่า 3,000 บาทต่อเดือน ทำให้สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้มาก 

    และจากการที่ทางศูนย์เรียนรู้ฯ ประสบความสำเร็จ จึงได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่ชุมชนต่าง ๆ และเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับบุคคลอื่นที่สนใจ

ห้องสื่อ ศูนย์การเรียน-รู้-เล่น โดย กสทช.

    เริ่มแรกเป็นห้องโล่ง ๆ สร้างไว้สำหรับทำผลิตภัณฑ์ผลไม้กรอบสูญญากาศ แต่ไม่มีการใช้งาน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่จาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เดินทางมา จ.พัทลุง เพื่อจัดหาโรงเรียนที่จะสร้างศูนย์การเรียน-รู้-เล่น ได้เข้าพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง แต่ที่รีสอร์ทแห่งนั้นไม่มีบริการ Wi-Fi เมื่อคณะของเจ้าหน้าที่ กสทช. ได้เดินทางมายัง ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายสินธุ์แพรทอง จึงได้ขอความอนุเคราะห์เรื่องที่พักแก่เจ้าหน้าที่กสทช.เพราะเห็นว่าที่ศูนย์ฯ มีทั้งที่พัก Wi-Fi ไปจนถึงอาหารให้บริการฟรีทางเครือข่ายฯก็ได้ให้การต้อนรับและดูแลเป็นอย่างดี 

    หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่จาก กสทช. ได้ติดต่อกลับมา เพื่อเสนอสร้างศูนย์การเรียน-รู้-เล่น ให้แก่ เครือข่ายสินธุ์แพรทอง เนื่องจากเป็นองค์กรชุมชน และมีสถานที่ที่สามารถให้ความรู้ในชุมชนได้

    งบประมาณในการสร้างศูนย์การเรียน-รู้-เล่น ประมาณ 300,000 บาท มีคอมพิวเตอร์ 11 เครื่อง นอกจากนี้ทาง กสทช. ยังให้การดูแลบำรุงรักษา ชำระค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ มูลค่า 12,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 ปี

    ศูนย์การเรียน-รู้-เล่น โดย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.). ที่ ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายสินธุ์แพรทอง เปิดให้บริการแก่ทุกคนในชุมชนได้เข้ามาหาความรู้ และใช้ทำงานได้ตลอดเวลาทำการ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ คอยดูแลอยู่ตลอด

j.jpg
S__1523725.jpg

โต๊ะไม้

    “โต๊ะ” ทั้งหมดที่มีภายในศูนย์การเรียนรู้ฯ เริ่มมาจากที่เจ้าของบ้าน อุทัย บุญดำ (พ่อเล็ก) และ อุษาวดี บุญดำ (แม่สร้อย) เป็นคนที่ชื่นชอบ “ไม้” สะสมไม้มากว่า 10 ปี ไม้ที่สะสมได้มาจากการเดินทางท่องเที่ยว เจอไม้โค่น ล้มขอนนอนไพร ไม้ที่คนนำมาขาย ก็จะเก็บหรือซื้อมา มีทั้งไม้ยาง ไม้เทียม ไม้หลุมพอ ไม้ทำเสา จากนั้นได้นำไม้ที่สะสมมาทั้งหมด เป็นวัสดุในการสร้างศูนย์การเรียนรู้ฯ ในขณะนั้นมีแรงงานผู้ลงมือสร้างเพียง 3 คนเท่านั้น

ในตอนแรกที่ตรงนี่เคยเป็นร้านกาแฟที่มีโต๊ะไม้ที่ยาวที่สุดในพัทลุงเลยก็ว่าได้ 

    โต๊ะไม้ชุดแรก ได้มาจาก เมื่อครั้งหนึ่งมีคนขนไม้ผ่านมาหน้าบ้านแล้วถามว่า จะเอาโต๊ะไม้ไหม พ่อเล็ก และ แม่สร้อย ซึ่งชอบไม้อยู่แล้วก็เลยรับซื้อไว้

    โต๊ะไม้ชุดที่ 2 ได้มาจากความสัมพันธ์ที่น่าประทับใจจากแขกผู้ที่มาเข้าอบรมที่ศูนย์การเรียนรู้ฯ เวลานั้นการอบรมมีระยะเวลา 5 วัน 4 คืน มีสตรีผู้เข้าร่วมท่านหนึ่งเป็นมุสลิม ชื่อ ก๊ะส้อ ซึ่งเพิ่งจะกลับมาจากเมืองมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย แต่งตัวมิดชิด ปิดหน้า ปิดตา ทำให้ผู้เข้าร่วมอบรมท่านอื่น ๆ ไม่กล้าเข้าหา 

     แม่สร้อย ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ก๊ะส้อ จึงรู้ว่าก๊ะส้อ มีลูก 9 คน อายุ 49 ปี เท่ากันกับ แม่สร้อย ทำให้ ก๊ะส้อ เลยรู้สึกประทับใจมากที่แม่สร้อยเป็นกันเอง ยอมรับเขาเป็นเพื่อน ไม่ถือตัว ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ก๊ะส้อบอกว่า ไปมาหลายที่ แต่ไม่มีที่ไหนที่น่าประทับใจเท่าที่นี่เลย

ก๊ะส้อ อยากตอบแทนน้ำใจ แต่ไม่มีอะไรจะให้ ครอบครัวก๊ะส้อค่อนข้างลำบาก ต้องเลี้ยงดูลูกถึง 9 คน แต่ ก๊ะส้อ บอกว่ามีไม้จะให้ ให้พ่อเล็กกับแม่สร้อยไปเอาที่ เขื่อนหัวข้าง บ้านของก๊ะส้อ 

    หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ แม่สร้อยชวนพ่อเล็กไปดูไม้ที่บ้านบังโสบ (สามีของก๊ะส้อ) ไปถึงก็เห็นไม้วางอยู่ 5 แผ่น ด้วยความเกรงใจแม่สร้อยเลยเอามาแค่ 2 แผ่น ก๊ะส้อไม่คิดเงิน แต่แม่สร้อยวางเงินไว้ โดยไม่บอกก๊ะส้อ และนำไม้กลับมาที่บ้าน 

เป็นเวลา 3 ปี ที่แผ่น 2 แผ่นนั้นว่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร 

อยู่มาวันหนึ่ง มีกิจกรรมอบรมที่ศูนย์การเรียนรู้ฯ ผู้เข้าอบรมชื่อ ปลื้ม จันทุง หรือ ลุงปลื้ม เป็นผู้ที่ชื่นชอบไม้เหมือนกัน จึงอาสารับจ้างนำไม้ 2 แผ่นที่เก็บไว้นาน 3 ปี ไปทำเป็นโต๊ะไม้ ในราคาชุดละ 10,000 บาท จำนวน 2 ชุด และยังให้โต๊ะไม้อีกชุดด้วย

ที่มานกอินทรีย์

    นกอินทรีย์ อายุยาวนานถึง 70 ปี อายุยาวนานนั้นผ่านอะไรมาบ้าง เมื่อมันอายุ 40 ปี กรงเล็บจะยาว ทำให้ยากต่อการเกาะกิ่งไม้ ชะงอยปากจะหนา ยากต่อการล่าเหยื่อ ปีกปกคลุมไปด้วยขนที่หนา ทำให้น้ำหนักตัวมาก บินลำบาก 

    มันจึงเดินทางมาถึงทางเลือกแห่งชีวิต 2 ทาง

  1. รับสภาพ ผอมและอดตาย

  2. ยอมเจ็บปวด เพื่อพัฒนาตนเอง และบินขึ้นสู่ยอดเขากลับสู่รังของมัน 

มันจะเริ่มต้นจากการเอาชะงอยปากตัวเองเคาะกับผาหินที่แหลมคม เคาะซ้ำแล้วซ้ำอีก จนชะงอยปากหลุดออก และรอเวลาที่ชะงอยปากอันใหม่ที่สวยงามและแข็งแรงก็งอกขึ้นมาแทนที่ 

    ส่วนเล็บที่ยาวนั้น มันก็เคาะกับโดขดหิน ทีละเล็บ ๆ ทนเจ็บปวด ใช้เวลาในการทำเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง จนเล็บเก่าหลุดออก เล็บใหม่งอกขึ้นมาอย่างสวยงาม 

หลังจากนั้นก็เริ่มจิกดึงขนปีกของตนเองออกทีละเส้น ๆ พอขนเก่าหลุดออกขนใหม่ก็ขึ้นมาแทน การทำแบบนี้จะต้องใช้เวลาที่ยาวนานและต้องทนทรมานกับความเจ็บปวด มีนกอินรีย์จำนวนไม่น้อยที่ทำไม่สำเร็จแล้วต้องตายไปแต่หากตัวใดทำสำเร็จรางวัลที่ได้รับ คือ ชะงอยปากที่สวยงาม คมกริบ กรงเล็บแหลมคมพร้อมใช้งานปีกและขนที่สวยงามเบา ดวงตาคม พร้อมที่จะบินขึ้นฟ้า และมีชีวิตอย่างสง่างามไปอีกไม่น้อยกว่า 30 ปีเปรียบเสมือนความแข็งแกร่งของ “ผู้นำ” เครือข่ายสินธุ์แพรทองของเรา 18 ปี กับการขับเคลื่อนงานตามแผนยุทธศาสตร์ ผู้นำผลัดขนมาแล้ว 3ครั้งมีผู้ที่ไม่ยอมพัฒนาหลุดจากขบวนการไปไม่น้อย และมีผู้นำอีกไม่น้อยเช่นกันที่เข้าสู่การพัฒนา แต่ทนกับความความเจ็บปวดในการต่อสู้กับความคิดของตนเองไม่ได้ 

    อย่างไรก็ตาม ผู้นำที่ผ่านการทดสอบ ผ่านเตาหลอมที่ใช้อุณภูมิความร้อนสูง พร้อมเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงก็มีมากมาย ผู้นำผลัดขน 3 ครั้ง

  • ครั้งที่ 1 ปี 2547  สูญเสียผู้นำไป 2 คน

  • ครั้งที่ 2 ปี 2550  สูยเสียผู้นำ ไป 3 คน

  • ครั้งที่ 3 ปี 2558  สูยเสียผู้นำ ไป 4 คน

สัญลักษณ์ “นกอินทรีย์” ด้านหน้าศูนย์ฯ จึงเสมือนสิ่งย้ำเตือนจิตใจของชุมชน คนทำงาาน ให้มีความมุ่งมั่น จริงจัง อดทน และเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลง พัฒนาตนเองอยู่เสมอ

67604.jpg

 เกี่ยวกับ​

ประวัติ

ความเป็นมา

บทบาทหน้าที่ โครงสร้าง

พัฒนาการ

ความสำเร็จ

เรื่องเล่า

​  บริการ

หลักสูตรที่เปิดสอน

เซตอาหาร / ราคา
สินค้า

ที่อยู่ ตั้งศูนย์เรียนรู้เครือข่ายสินธุ์แพรทอง

ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายสินธุ์แพรทองตั้งอยู่เลขที่ 10 หมู่ 9 ตำบลลำสินธุ์ อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง 93000

โทรศัพท์ 081-7981082

© 2035 by Deerfield Farm. Powered and secured by Wix

bottom of page