เหตุการณ์แรกเริ่มตั้งแต่การเกิดวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในชุมชนลําสินธุ์ในพ.ศ.2494ทําให้ชาวบ้านต้องอพยพที่อยู่อาศัยมาอยู่ในบริเวณพื้นที่ดอนรวมไปจนถึงการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

ช่วงที่โจรผู้ร้ายชุกชุมทำให้ชาวบ้านต้องมีการรวมตัวกันต่อสู้กับโจรผู้ร้ายเหล่านี้ 

ได้เกิดวิกฤติการณ์ทางการเมืองในช่วงของการปราบปรามแนวร่วมของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยซึ่งชุมชนลําสินธุ์ได้ถูกกําหนดเป็นพื้นที่สีแดงเริ่มเกิดการตาย การหายตัวของชาวบ้านในชุมชนจนนํามาสู่การเกิดเหตุการณ์"ถีบลงเขาเผาลงถังแดง" ยิ่งทำให้ชาวบ้านต้องอยู่ร่วมกันด้วยความรักสามัคคี และเอื้ออาทรต่อกัน จากการประกาศใช้คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66 / 2523 เพื่อเปิดโอกาสให้แนวร่วมของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้กลับเข้าสู่หมู่บ้านอย่างคนปกติ

รัฐบาลได้มีนโยบายด้านการพัฒนามากขึ้น โดยมีสํานักงานพัฒนาชุมชนเข้ามาจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตในแต่ละหมู่บ้านขึ้นทุกชุมชนซึ่งเป็นการสร้างความเข้มแข็งขององค์กรทางการเงินและรวมไป จนถึงการให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกิจกรมในการพัฒนาอาชีพแต่อยู่ในสภาพที่ต่างคนต่างทําและแต่ละกลุ่มมีจุดอ่อน จุดแข็งที่ต่างกันการพบปะพูดคุยของแกนําแต่ละกลุ่มในงานต่าง ๆ ทําให้เกิดการพูดคุยและร่วมแลกเปลี่ยนปัญหาของกลุ่มจนนํามาสู่การรวมกลุ่มเพื่อการแก้ไขปัญหาในระดับที่กว้างมากขึ้นจึงทําให้เกิดการตั้งเครือข่ายสินธุ์แพรทองซึ่งเป็นการรวมกลุ่มตามธรรมชาติอย่างไม่เป็นทางการ

เครือข่ายสินธุ์แพรทองจึงเกิดการรวมกลุ่มที่จริงจังและเป็นรูปธรมมากขึ้นซึ่งกลุ่มกิจกรรมที่เข้าร่วมช่วงแรกเพียง 6 กลุ่มคือกลุ่มออมทรัพย์ 2 กลุ่ม กลุ่มแม่บ้านกลุ่มสตรี กลุ่มแปรรูปอาหาร เป็นต้น มีการสะสมเงินของเครือข่ายสินธุ์แพรทองจากทุกกลุ่มเป็นรายเดือนโดยมีเวทีในการร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในตำบลและมีการประชุมของแกนนำเครือข่ายสินธุ์แพรทอง ในทุกวันที่ 9 ของเดือนรวมไปจนถึงการฝากเงินออมทรัพย์ของเครือข่ายสินธุ์แพรทองจากกลุ่มสมาชิกต่อมาเครือข่ายสินธุ์แพรทองได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสถาบันองค์กรชุมชนภาคใต้ (พอช.) ก่อให้เกิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้หลายครั้งจนทําให้ชุมชนสามารถถอดบทเรียนการทํางานที่ผ่านมา จึงทําให้องค์กรเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้นและนํามาสู่การจัดทําแผนแม่บทของเครือข่ายสินธุ์แพรทอง

ตําบลลําสินธุ์ได้รับงบประมาณจากสํานักงานกองทุนเพื่อสังคม (SIF) สนับสนุนการทําแผนชุมชนโดยใช้กระบวนการจัดเวทีชุมชน8 เวทีในตําบลลําสินธุ์ การจัดทำแผนชุมชนทําให้กระบวนการทํางานมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นจึงเริ่มมีการบูรณาการการทํางานกับภาคีความร่วมมือจากภายนอกมากขึ้นจนก่อให้เกิดรูปแบบการบริหารจัดการและแนวทางการสร้างชุมชนเข้มแข็งแบบยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหาของชุมชนและได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน